ศูนย์แว่นตาโปรเกรสซีฟ

เป็นศูนย์ความเชี่ยวชาญทางด้านเลนส์โปรเกรสซีฟโดยเฉพาะ ประกอบไปด้วย 5 สิ่ง

  1. เราเตรียมผู้ให้บริการ ที่มีความเชี่ยวชาญ และ ประสบการณ์ ด้านเลนส์โปรเกรสซีฟ เราตรวจสายตาโดย หมอสายตา(นักทัศนมาตร) ทุกเคส
  2. การตรวจสายตาที่เฉพาะในการทำแว่นโปรเกรสซีฟ
  3. การ Fitting หรือ การวัดองค์ประกอบจุดเซนเตอร์ตาและแว่น เฉพาะเพื่อทำแว่นโปรเกซีฟ โดยช่างแว่นที่มีประสบการณ์จาก กรุงเทพฯ
  4. เรามีห้องจำลองทดลองสำหรับใช้งานจริงในแว่นโปรเกรสซีฟ (Progressive lens Experience Center)
  5. เราคัดเลือกผลิตภัณฑ์ แบรนด์เลนส์โปรเกรสซีฟ ที่มี คุณภาพที่ดีที่สุดในปัจจุบัน

เลนส์โปรเกรสซีฟเหมาะกับใคร ?

เลนส์โปรเกรสซีฟก็คือ เลนส์ที่ทำให้การมองเห็นของคุณกลับไปเป็นเด็กอีกครั้ง เลนส์นี้จะเหมาะกับคนที่อายุมากกว่า 38 ปีขึ้นไป เนื่องจากผู้ที่มีอายุ 38 ปีขึ้นไปนั้นมักจะมีปัญหาเรื่องสายตายาวตามวัย (Presbyopia) ทำให้เริ่มมองใกล้ไม่ชัดต้องยื่นแขนออกไปมากขึ้นเรื่อย ๆ มองใกล้นาน ๆ เริ่มตาล้า ปวดตา เลนส์โปรเกรสซีฟเหมาะสำหรับบุคคลที่มีปัญหาเหล่านี้

  1. ท่านที่ต้องยื่นวัตถุออกไปไกล ๆ เมื่อต้องการมองใกล้
    มองใกล้ ๆ ไม่ชัดต้องยื่นวัตถุออกไปไกล ๆ เช่น การมองสมาร์ทโฟน การมองหนังสือ เป็นต้น หรือ การมองนาน ๆ ทำให้รู้สึกไม่สบายตา ตาล้า ปวดหัว
  2. ท่านที่ต้องถอดแว่น เข้า – ออก
    บุคคลที่มีสายตาสั้นอยู่แล้ว มองใกล้ต้องถอดแว่นออกถึงจะมองชัดกว่า ทำให้ต้องถอดแว่นเข้าออกบ่อย ๆ อาจจะสร้างความรำคาญและทำให้เกิดอาการตาล้าได้
  3. ท่านที่ต้องมองลอดแว่นเวลาจะมองไกล
    บุคคลที่มีสายตาปกติ พออายุมากขึ้นแล้วมีปัญหาสายตาก็ต้องไปซื้อแว่น เพื่ออ่านหนังสือหนึ่งอันสำหรับมองใกล้ พอจะมองไกลต้องมองลอดแว่น ทำให้เสียบุคลิกได้
  4. ท่านที่ต้องพกแว่นหลายอัน แว่นหายบ่อย
    บุคคลที่มีปัญหาสายตาทั้งสั้น ยาว และเอียง ทำให้ต้องพกแว่นหลายอัน ไม่ว่าจะเป็นแว่นอ่านหนังสือแว่นขับรถ แว่นกันแดด ปัญหาที่ตามก็อาจจะทำให้แว่นหายบ่อยหรืออาจจะวางลืมเอาไว้
  5. ท่านที่มองใกล้นาน ๆ แล้วไม่สบายตา
    รู้สึกมองใกล้นาน ๆ ไม่สบายตา มองนาน ๆ ทำให้เริ่มล้า ปวดหัว ปวดขมับได้ อาจจะส่งผลทำให้การดำรงชีวิตไม่ราบรื่น ไม่สนุกกับกิจกรรมที่ทำอยู่
  6.  
  7. เคล็ดลับในการเลือกกรอบแว่นสำหรับทำเลนส์โปรเกรสซีฟ
    วันนี้ทางคลินิกจะมาพูดถึงเรื่องของการเลือกกรอบแว่นให้เหมาะกับเลนส์โปรเกรสซีฟค่ะ ที่มาพูดเรื่องนี้ก็เพราะว่าหลายหลายท่านเอากรอบแว่นมาจากบ้านหรือซื้อใน Internet จะมีกรอบของบางอันใช้ไม่ได้ หรือถ้าจะใช้จริง ๆ เลนส์ราคาจะสูง วันนี้คลินิกจึงเอา Tip ง่าย ๆ ในการเลือกกรอบแว่นมาแนะนำเพื่อช่วยให้ท่านประหยัดค่าใช้จ่ายลดลงไปด้วย ไปดูกันเลยค่ะ !!!
    1. เลือกกรอบที่มีแป้นจมูก : กรอบชนิดนี้ปรับแต่งง่าย และทำให้การมองใกล้เต็มประสิทธิภาพ ลดอาการปวดต้นคอ
    2. ไม่ควรเลือกกรอบแว่นที่ใหญ่เกินไป : (oversize) : การเลือกกรอบแว่นใหญ่เกินไปนั้นทำให้เวลาที่เราเคลื่อนไหวเราจะเผลอมองภาพด้านข้างที่มีความบิดเบือน ทำให้เกิดความไม่สบายตาได้ค่ะ
    3. ไม่ควรเลือกกรอบแว่นเล็กเกินไป : ในที่นี้คือเล็กกว่า 30 มิลลิเมตร การเลือกกรอบแว่นที่เล็กทำให้พื้นที่การมองใกล้หายไปได้
    4. เลือกกรอบที่มีความกระชับ : ไม่เลื่อนหลุดเมื่อก้มลง หากกรอบแว่นหลวมแล้วแว่นตก จะทำให้จุด center ที่เซ็ตไว้เปลี่ยนแปลง จะเกิดอาการมึนงง หรือวูบวาบได้ ลองใส่แล้วก้มหน้าส่ายศรีษะไปมาดูค่ะ ไม่เลื่อนก็ ok
    5. เลือกกรอบแว่นที่มีน้ำหนักเบา : เนื่องจากเราต้องใส่แว่นโปรเกรสซีฟ ทั้งวัน หากเลือกกรอบแว่นที่หนัก จะทำให้กดจมูกเจ็บ กลายเป็นไม่ใช้ไปเลยก็มี
    6. ไม่ควรเลือกกรอบแว่นที่โค้งเกินไป : เพราะกรอบที่โค้งนั้นจะไม่รองรับกับเลนส์โปรเกรสซีฟราคามาตรฐาน ต้องเพิ่มรุ่นที่มีราคาที่สูงขึ้น ซึ่งเปลืองเงินค่ะ แต่ถ้าชอบจริง ๆ ก็มีเลนส์โปรเกรสซีฟที่รองรับกรอบแว่นโค้ง ๆ นะคะ

 

เทคโนโลยีใหม่ล่าสุดจาก Rodenstock (เยอรมัน

✅ เราให้ความสำคัญ : เพื่อเค้นหาค่าสายตาและแว่นตาที่ดีที่สุดสำหรับคุณ
🚩 ที่เดี่ยวด้วย เครื่อง Rodenstock ImpressionIST (เทคโนโลยีเยอมัน)

👉 ImpressionIST คือเทคโนโลยีกล้องระบบสเตอริโอ 3มิติ ที่สามารถจัดทำข้อมูลประวัติของลูกค้าแต่ละคนได้โดยอัตโนมัติ การทำงานของเทคโนโลยีนี้คือ ระบบจะถ่ายรูปของลูกค้าในสองมุม จากกล้องสองตัวบนตัวเครื่อง โดยเพียงสวมแว่นตาและจำลองการมองปกติไปที่เครื่อง ImpressionIST เมื่อตัวเครื่องได้ทำการบันทึกข้อมูลเสร็จเรียบร้อย โปรแกรมของเครื่องจะคำนวณค่าพารามิเตอร์ต่างๆ ออกมาดังนี้ครับ

👉 PD (ค่าความห่างของรูม่านตาข้างซ้ายและขวา) มีความแม่นยำ 0.1 มิลลิเมตร
👉 CVD (ค่าความห่างระหว่างด้านหลังเลนส์กับกระจกตาด้านขวาและซ้าย) มีความแม่นยำ 0.1 มิลลิเมตร
👉 PT (องศาความเทของกรอบแว่นเมื่ออยู่บนใบหน้า) มีความแม่นยำ 0.1 องศา
👉 FFA (ค่าความโค้งของกรอบเมื่อสวมบนใบหน้า) มีความแม่นยำ 0.1 องศา
👉 FH (ค่าความสูงของรูม่านตาบนกรอบแว่น) มีความแม่นยำ 0.1 มิลลิเมตร
👉 Diameter คือวงเลนส์ (เส้นผ่าศูนย์กลางเลนส์) ที่จะต้องใช้สำหรับกรอบนั้นๆ (หาค่าวงเลนส์ให้เล็กที่สุดเพื่อจะทำให้เลนส์บางลง)
👉 สามารถระบุขนาดของเลนส์ได้ A (ความกว้างเลนส์) B (ความสูงเลนส์) DBL(ค่าความห่างของเลนส์ขวาและซ้าย)
👉 สามารถสั่งเลนส์ผ่าน sever ไปยังบริษัทโรเด้นสต๊อกที่เยอรมันได้โดยตรง

 

 

เครื่อง DNEYE® SCANNER

การวัดสายตาด้วยนวัตกรรมใหม่
ในขั้นแรก เราจะทำการวัดสายตาด้วย Rodenstock DNEye® Scanner นวัตกรรมล่าสุดของเรา ระบบจะทำการวัดค่าสายตามากกว่า 7,000 จุดโดยอัตโนมัติและด้วยความแม่นยำในระดับสูงสุด
DNEye® Scanner แตกต่างจากอุปกรณ์วัดสายตาแบบดั้งเดิมตรงที่ไม่เพียงแต่สามารถบันทึกค่ามาตรฐานสำหรับภาวะกระบอกตายาว (สายตาสั้น) และภาวะกระบอกตาสั้น (สายตายาว) รวมถึงความโค้งของกระจกตาเท่านั้น แต่เหนือกว่าด้วยการวัดปฏิกิริยาของรูม่านตาในช่วงกลางวันและกลางคืน รวมทั้งความเปลี่ยนแปลงด้านการมองเห็นที่สอดคล้องกันได้อีกด้วย ช่วยให้สามารถตรวจสอบค่าความผิดปกติในการมองเห็นได้ ซึ่งส่งผลต่อการรับรู้ความเปรียบต่างที่ลดลงและทัศนวิสัยเลือนรางในยามมืดสลัว เป็นต้น

ทำไมที่ศูนย์แว่นตาโปรเกรสซีฟ ดร.ซุล
ถึงเลือกใช้เครื่อง DNeye ®️ Scanner สแกนสายตา
ให้กับลูกค้าก่อนผลิตเลนส์แว่นตา❓
.
โพสต์นี้จะพาทุกท่านไปทำความรู้จักกับ
เครื่อง DNeye®️ Scanner กันครับ
.
เพราะทุกคนต่างมีปัญหาค่าสายตาที่แตกต่างกัน
ดวงตาของแต่ละคนมีเอกลักษณ์เฉพาะที่แตกต่างกันไป
ทำให้การตักแว่นตา จึงต้องมีการคำนวณ วิเคราะห์ที่ละเอียด
เพื่อผลิตเลนส์เข้ามาช่วยแก้ปัญหาการมองเห็นได้อย่างแม่นยำ
.
ซึ่งเครื่อง DNeye ®️ Scanner
จะสามารถแก้ปัญหาเรื่องสายตาได้อย่างไร
ไปทำความรู้จักพร้อม ๆ กันเลยครับ
.
🔹DNeye ®️ Scanner คืออะไร ?
เครื่อง DNeye ®️ Scanner หรืออ่านว่า ดี-เอ็น-อาย-สะ-แกน-เน้อ
คือเครื่องสำหรับสแกนค่าสายตา
ที่มีนวัตกรรมที่เรียกได้ว่า ดีที่สุดจาก Rodenstock
ที่มีความแม่นยำสูงในการสแกนค่าสายตา
เครื่องสามารถสแกนและผลิตเลนส์ตามกระจกตาของแต่ละบุคคลได้
(ความแม่นยำมากแค่ไหน เทียบกระจกตาได้กับลายนิ้วมือของแต่ละคน)
.
ซึ่งสามารถสแกนหาค่าสายตาได้ทั้งปัญหาสายตาสั้นและสายตายาว
และความผิดปกติของสายตาในระดับที่ละเอียดยิ่งขึ้น
ที่ไม่สามารถวัดได้ด้วยเครื่องทั่ว ๆ ไป แต่ DNeye ®️ Scanner สามารถทำได้
.
🔹กลไกการทำงานของเครื่อง DNeye ®️ Scanner
จะทำการตรวจวัดโดยอาศัยขนาดของรูม่านตา
ซึ่งข้อมูลตรงนี้เอง จะช่วยดึงศักยภาพการมองเห็นผ่านเลนส์เว่นตา
ได้มากที่สุด แม่นยำที่สุด ตามค่าสายตาของแต่ละท่านที่แตกต่างกัน
ทำให้ได้เลนส์สายตาที่มองเห็นได้คมชัดให้ทุกสภาพแสง
.
และนี่เองคือคุณสมบัติพิเศษของเครื่อง DNeye ®️ Scanner
ที่จะช่วยแก้ปัญหาการตัดแว่นสายตาโดยเฉพาะแต่ละบุคคล
.
สามารถวัดสายตาและตัดเลนส์แว่นตา
ด้วยเครื่อง DNeye ®️ Scanner ได้ที่ ศูนย์แว่นโปรเกรสซีฟ ดร. ซุล
เครื่องแรก แห่งเดียว ในหาดใหญ่❗️

 

ห้องจำลองการใช้งานแว่นตา และการมอบแว่นโปรเกรสซีฟ

เราจะให้ความสำคัญมากๆ ในขั้นตอนนี้ เราได้เตรียมผู้เชี่ยวชาญในการแนะนำ สอน และ ให้คำปรึกษาในการใช้แว่นโปรเกรสซีฟ ซึ่งจะทำงานร่วมกับหมอสายตาของเรา

ในขั้นตอนนี้ ทางเรามี จะมี ศูนย์จำลองทดลองสำหรับใช้งานจริงในแว่นโปรเกรสซีฟ (Progressive lens Experience Center) โดยมีผู้เชี่ยวชาญร่วมกับหมอสายตา คอยให้คำปรึกษาทุกขั้นตอนในศูนย์นี้ โดยจะจำลองการใช้สายตาดังนี้

  • คอมพิวเตอร์ PC
  • คอมพิวเตอร์ Nootbook
  • อ่านหนังสือ นิตยสาร เอกสารทั่วๆไป
  • ห้องครัว
  • ระยะดู TV
  • การขึ้นลงบันได/ การเดินพื้นต่างระดับ
  • การเล่นกีฬา ( ตีกอล์ฟ)
  • การมองกระจกรถด้านข้าง

โดยเราจะแบ่งการสอนการใช้แว่นโปรเกรสซีฟ ออกเป็น 3 ส่วนหลักๆ คือ

1. การสอนในภาคทฤษฎี

  • เข้าใจโครงสร้างเลนส์ที่เราใส่
  • เข้าใจการเหลือบตามอง
  • เข้าการใช้งานอื่นๆ ตามเฉพาะลูกค้าแต่ละท่าน

2. การสอนในภาคปฎิบัติ

  • เข้าใจการเหลือบตามองแต่ละระยะ
  • เข้าใจการใส่เดิน / ใส่ขับรถ
  • เข้าการใช้งานอื่นๆ ตามเฉพาะลูกค้าแต่ละท่าน

3. การสร้างความเข้าใจองค์รวมและสร้างแรงบันดาลใจให้ลูกค้าแต่ละท่าน

ขอบคุณทุกท่านสำหรับการติดตาม

สวัสดีครับ
ดร.ซุล
สายตา คือ สิ่งสำคัญในชีวิต
เราจะดูแลสิ่งสำคัญในชีวิตคุณ ให้ดีที่สุด
Facebook